การแข่งขัดนัดตัดสินเกมนี้ ถูกขนานนามก่อนจะเริ่มการแข่งขันว่ามีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ในช่วง 45 นาทีแรก ลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต สามารถยันสกอร์ไว้ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามเกมสนุกตั้งแต่เริ่มต้นครึ่งหลัง เมื่อลูกทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ลามิน ยามาล ลากตัดเข้าในจ่ายให้กับ นิโก้ วิลเลียมส์ ซัดด้วยซ้ายย้อน จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าสู่ก้นตาข่าย
จากนั้นทัพ ‘กระทิงดุ’ มีโอกาสที่จะทิ้งห่างหลายครั้ง แต่ว่ายังไม่เฉียบคมพอ จนกลายเป็นทางด้านของ โคล พาลเมอร์ มายิงสุดสวยช่วยให้ฝั่ง ‘ทรีไลออนส์’ ตีเสมอได้สำเร็จ
ช่วงท้ายเกมฝั่งสเปน แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเผด็จศึกให้ได้ในเวลาปกติ และเป็นทางด้านของ มาร์ค คูคูเรญ่า ที่จ่ายให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล แท็บอินเข้าไปในนาทีที่ 86 ขึ้นนำได้อีกครั้ง
ทีมชาติอังกฤษเกือบจะตีเสมอได้อีกครั้งในช่วงทดเวลา จากลูกโหม่งของ มาร์ค เกฮี แต่ว่า ดานี่ โอลโม่ สวมบทฮีโร่ เคลียร์ออกมาจากเส้นได้สำเร็จ
จบการแข่งขัน ทีมชาติสเปน เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 คว้าแชมป์ ยูโร สมัยที่ 4 มากกว่าทุกชาติในยุโรป และเป็นการคว้าโทรฟี่รายการนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 ครั้งหลังสุด